แผนการจัดการเรียนรู้ตามโครงการยุวชนประกันภัย 2554
หน่วยการเรียนรู้ บูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6
เรื่อง การประกันภัยรถตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ และการประกันชีวิต จำนวน 3 ชั่วโมง
มาตรฐานการเรียนรู้
สาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
สาระที่ 5 ความปลอดภัยในชีวิต/คุณภาพชีวิต
มาตรฐานการเรียนรู้ พ 5.1 ป้องกันและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ/ชีวิต
อุบัติเหตุ และการประกันภัย
มาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้น พ 5.1(2) เข้าใจและเห็นคุณค่ากระบวนการสร้างเสริมความปลอดภัย
ให้ตนเอง ครอบครัวและชุมชนด้วยการประกันภัย
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
1) รู้ เข้าใจ อธิบายความสำคัญของการประกันภัยรถตาม พ.ร.บ. และ การประกันชีวิต ได้
2) รู้และเข้าใจ หลักการปฏิบัติเมื่อมีเหตุประสบภัยจากรถ
3) ปฏิบัติตนหรือให้การช่วยเหลือผู้อื่นในการขอรับความคุ้มครองเมื่อประสบภัยจากรถ
สาระสำคัญ
การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2551 เป็นการประกันภัยที่กฎหมายกำหนดให้เจ้าของรถทุกคันต้องจัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัย โดยประกันภัยไว้กับบริษัทประกันภัย ซึ่งบริษัทฯ จะให้ความคุ้มครองต่อความสูญเสีย หรือเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยแก่ผู้ประสบภัยจากรถ โดยผู้ประสบภัยจากรถทุกคนจะได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นอย่างน้อย
จุดประสงค์การเรียนรู้
1) จำแนก/อธิบายประเภทรถที่ต้องทำประกันภัยภาคบังคับ การได้รับความคุ้มครอง และการขอรับค่าเสียหายเบื้องต้น
2) รู้แนวทางปฏิบัติในการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของตนเอง และสามารถแนะนำ ช่วยเหลือผู้อื่นในการขอรับความคุ้มครองเมื่อประสบภัยจากรถ
3) ตระหนักถึงความสำคัญของการประกันภัยรถและแนะนำผู้อื่นให้เห็นความสำคัญได้
-2-
สาระการเรียนรู้และเนื้อหา
1. การประกันภัยรถยนต์ หมายถึง การประกันภัยเพื่อความคุ้มครองความสูญเสียหรือเสียหายที่เกิดแก่รถยนต์ที่เอาประกันภัย และความสูญเสียหรือเสียหายที่เกิดจากความรับผิดตามกฎหมายของผู้เอาประกันภัยและของผู้ขับขี่รถยนต์ในขณะเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของบุคคลภายนอก แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ เจ้าของรถ จะเลือกทำประกันภัยหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้เป็นเจ้าของ และ การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ หรือ “ประกันภัยรถตาม พ.ร.บ.” ที่เจ้าของรถทุกคันต้องทำประกันภัยตามที่กฎหมายกำหนดทุกปีตลอดอายุของการใช้รถ ซึ่งในการเรียนการสอนระดับนี้จะมุ่งเน้นไปที่การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับหรือการประกันภัยรถตาม พ.ร.บ.
2. พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2551 กำหนดให้ผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตอันเนื่องมาจากรถได้รับการชดใช้ค่าเสียหายเบื้องต้นอย่างทันท่วงที รวมถึงการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนและให้ความคุ้มครองเฉพาะความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยเท่านั้น ไม่รวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สิน เช่น ค่าซ่อมรถ หรือที่เราเรียกว่า “ซ่อมคนแต่ไม่ซ่อมรถ”
3. การคุ้มครองที่ผู้ประสบภัยหรือทายาทจะได้รับ เมื่อจัดทำประกันภัยรถตาม พ.ร.บ.
4. ค่าเสียหายเบื้องต้นที่เป็นค่ารักษาพยาบาล และค่าปลงศพกรณีเสียชีวิต
5. การรับค่าสินไหมทดแทนกรณีทุพพลภาพถาวรจากการประกันภัยรถตาม พ.ร.บ.
6. กองทุนทดแทนผู้ประสบภัย
7. ผลของการไม่จัดให้มีการประกันภัยรถตาม พ.ร.บ.
การประกันชีวิต คืออะไร
การประกันชีวิต คือ การที่บุคคลผู้หนึ่งเรียกว่า “ ผู้เอาประกันภัย “ ได้จ่ายเงินจำนวนหนึ่งเรียกว่าเบี้ย
ประกันภัย ตามจำนวนที่กำหนดไว้ในสัญญา (กรมธรรม์) ให้กับบริษัทประกันภัย เพื่อซื้อความคุ้มครองตามที่
ระบุเป็นเงื่อนไขไว้ในกรมธรรม์ อาทิ ถ้าผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายในเวลาที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์หรือมีอายุ
ยืนยาวจนครบกำหนดตามที่ระบุไว้ บริษัทประกันภัยจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเรียกว่า “จำนวนเงินเอาประกันภัย”
ให้แก่ผู้รับประโยชน์หรือผู้เอาประกันภัยแล้วแต่กรณี ทั้งนี้เงื่อนไขความคุ้มครองจะมีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับ
การเลือกซื้อตามความเหมาะสมของผู้เอาประกันภัยเป็นหลัก
การประกันชีวิตมีประโยชน์อย่างไร
ประโยชน์ของการประกันชีวิต คือ
1.ช่วยสร้างหลักประกันและความมั่นคงให้แก่ผู้เอาประกันภัยและครอบครัว เช่น หากผู้นำครอบครัว
ทำประกันชีวิตไว้แล้วเกิดเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เงินประกันชีวิตที่ได้รับจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนทาง
การเงินของครอบครัวได้ระยะหนึ่ง หรือหากทำประกันชีวิตเพื่อการศึกษาของลูกไว้ ลูกก็จะมีเงินใช้จ่ายเพื่อ
การศึกษาได้ต่อไป เป็นต้น
-3-
2.ช่วยให้เกิดการออมทรัพย์อย่างมีวินัยและต่อเนื่อง เพื่อการประกันชีวิตเป็นสัญญาระยะยาวและ
ผู้เอาประกันภัยต้องจ่ายเงินค่าเบี้ยประกันภัยเป็นรายงวดบางรูปแบบของการประกันชีวิตจะมีส่วนของการออมด้วยแต่จะไม่เหมือนกับการฝากเงินไว้กับธนาคารเนื่องจากการทำประกันชีวิตเป็นการซื้อความคุ้มครองเป็น
หลักดังนั้นหากมีการยกเลิกกรมธรรม์ในปีใดก็ตามระหว่างอายุสัญญางินที่ผู้เอาประกันภัยได้รับคืนจะไม่เท่า
กับจำนวนเงินเบี้ยประกันภัยที่จ่ายให้บริษัท เพราะส่วนหนึ่งต้องจ่ายเป็นค่าซื้อความคุ้มครอง ส่วนดีก็คือ หาก
ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายใต้เงื่อนไขทีระบุไว้ในกรมธรรม์ผู้รับประโยชน์จะไดรับเงินผลประโยชน์ตามจำนวนเงินเอาประกันภัย ซึ่งมากกว่าจำนวนเบี้ยประกันภัยที่จ่ายบริษัทไปแล้ว
3.การประกันชีวิตเป็นการระดมเงินทุนในรูปของเบี้ยประกันชีวิต ซึ่งบริษัทสามารถนำไปลงทุน
ประกอบธุรกิจอื่นได้ตามที่กฎหมายกำหนด ทำให้เกิดการหมุนเวียนของเงิน การจ้าง ฯลฯ และนำมาซึ่งการ
พัฒนาประเทศ นอกจากนั้นผู้เอาประกันภัยยังสามารถนำเงินค่าเบี้ยประกันชีวิต สำหรับกรมธรรม์ที่มีระยะ
เวลาเอาประกันภัยไม่ต่ำกว่า 10 ปี ไปหักเป็นค่าลดหย่อน ในการคำนวนภาษีเงินได้ ตามเงื่อนไขที่กำหนด
สื่อ/นวัตกรรม/แหล่งเรียนรู้
1. เว็บไซด์ คปภ. www.oic.or.th/e-learning และ สายด่วนประกันภัย 1186
2. หน่วยงาน สำนักงาน คปภ.จังหวัด/ภาค/เขต ทั่วประเทศ
3. สื่อการเรียนรู้จากห้องสมุดโรงเรียน
4. ภาพข่าวอุบัติเหตุทางรถ / จากนิตยสารหรือสิ่งพิมพ์ต่างๆ
5. สื่ออุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
6. สื่อการเรียนการสอน การประกันภัยรถตาม พ.ร.บ./ ประกันชีวิต
No comments:
Post a Comment